ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
12 ธ.ค.2556

เอสซีจีโชว์แผนตลาดปีหน้า เร่งบุกตลาดเพื่อนบ้าน

Line

            เอสซีจีจับตาปัญหาการเมืองยืดเยื้อ แต่ยังหวังอานิสงส์เก็บตกจากอุทกภัยช่วงกลางปีนี้ เล็งเพิ่มกำลังการผลิต เน้นเชิงรุกด้านบริการ การขนส่ง มุ่งใช้เทคโนโลยีทันสมัยทดแทนแรงงาน  เชื่อว่าเป้าการขายปีนี้ยังสดใสและสูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนปีหน้ายังแอบหวังเมกะโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาท และงบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ยันใช้ซับคอนแทร็กต์ต่อเนื่อง เร่งบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพิ่ม

              นายพชร ภูวัฒนานุสรณ์ ผู้อำนวยการตลาดและขายลูกค้าผู้ผลิต บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังมีแนวโน้มที่ดีได้อานิสงส์จากงบป้องกันน้ำท่วมในปี  2555 ผนวกกับปีนี้มีความพยายามผลักดันโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง รวมถึงการก่อสร้างในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงกลางปีจะแผ่วไปบ้าง จากฤดูฝนกระหน่ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลกระทบไปสู่ภาคตะวันออก ทำให้ภาคธุรกิจก่อสร้างชะลอในไตรมาส 3 ส่วนในไตรมาสที่ 4 ยังรอดูสถานการณ์การเมืองอีกครั้งว่าจะยืดเยื้อและจะส่งผลกระทบหรือไม่อย่างไร
                "ตั้งเป้ารายได้ปีนี้น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ไม่มาก โดยครึ่งปีแรกยังเป็นไปตามเป้าประมาณ  9 - 10% ซึ่งยังดีกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ประมาณ 4.1หมื่นล้านบาท สำหรับประเภทวัสดุก่อสร้าง ส่วนประเภทซีเมนต์มีรายได้กว่า 6.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าปีหน้าก็ยังจะส่งผลดีเนื่องจากภาวะอุทกภัยในปีนี้ อีกทั้งปีนี้งานด้านโครงสร้างพื้นฐานจะเกิดขึ้นจำนวนมากจะเกิดผลดีมากขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยบวกยังมาก แต่คงจับตาสถานการณ์การเมืองว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ ยิ่งหากงบตามโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และงบตามพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ผ่านการพิจารณาก็จะส่งผลดีไปอีก 7 ปี โดยในปีหน้าจะมุ่งไปที่การเพิ่มกำลังการผลิตและลดการใช้พลังงาน กำลังการผลิตต้องสอดคล้องกับกำลังซื้อ อีกทั้งยังจะดูลึกไปถึงการบริการ การจัดส่งอีกด้วย หลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น"
                  นายพชร กล่าวอีกว่า ในปีหน้ามองว่าภาพรวมความต้องการซีเมนต์ในประเทศว่าจะมีจำนวนมากขึ้น อานิสงส์จากงานภาครัฐและภาคเอกชน  ซึ่งโอกาสการขยายตัวของงานภาคเอกชนยังมีอีกมากซึ่งปริมาณการใช้ซีเมนต์ต่อคนยังมีแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยซีเมนต์จะเน้นไปที่กำลังการผลิตและการขนส่ง ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างต่างๆ จะเน้นเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในส่วนการขยายแฟรนไชส์ซึ่งสามารถบริการลูกค้าได้ทั่วประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานซีเมนต์กระจายอยู่ใน 3 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งสามารถให้บริการระบบโลจิสติกส์ได้อย่างครอบคลุม
                    นอกจากนี้เอสซีจี ซิเมนต์ ยังมีแผนขยายสู่ประเทศต่างๆ มากขึ้น อาทิ สปป.ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา อินโดนีเชีย โดยเฉพาะเมียนมาร์ (เมืองเมาะลำไย) ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ส่วนอินโดนีเชียได้เร่งกำลังการผลิตให้มากขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับสปป.ลาวยังเจรจาต่อเนื่องเนื่องจากสามารถขนส่งได้โดยตรงในปัจจุบันนี้
                   อย่างไรก็ดีหากลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในความต้องการภาคนั้นๆ แต่ละแห่งก็จะเร่งขยายกำลังการผลิตได้อีก ขณะนี้ยังจับตาปัญหาแรงงานและวัตถุดิบ ค่าแรงสูงขึ้นจึงจะหันไปใช้เทคโนโลยีมากขึ้น คาดว่าปีหน้าปัญหาแรงงานและปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบยังจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง   ซึ่งนับเป็นปัจจัยหลักของการนำพาไปสู่ความสำเร็จต่อการผลักดันในโครงการต่างๆ ซึ่งในกรณีซับคอนแทร็กต์ เอสซีจียังมีนโยบายใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเลือกใช้เฉพาะประเภทงานที่มีความต้องการจริงๆ เท่านั้น  พร้อมกับการปรับปรุงวิธีการขยายและบริการให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
                   นายพชร ยังกล่าวด้วยว่าในปีหน้าจะปรับกลยุทธ์การตลาดให้เป็นไปตามแผน  5 ปีตามที่กำหนดไว้ซึ่งจะต้องปรับปรุงทุกปีให้เป็นไปตามกลไกการตลาดทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งแนวโน้มการเติบโตในภาคอสังหาริมทรัพย์   และงานภาครัฐยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่ภาครัฐจะต้องนำไปก่อนแล้วภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตตามไปในภายหลัง เช่น รถไฟฟ้าไปถึงไหนการสร้างที่อยู่อาศัยจะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง
                  "หากโครงการต่างๆ กระจายไปสู่ภูมิภาคความเจริญก็จะตามไปด้วย โดยเฉพาะการพัฒนาชุมชนเมือง ซึ่งแน่นอนว่าการก่อสร้างจะเกิดขึ้น ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย โดย บริษัท เอสซีจีฯ ได้ประเมินความต้องการวัสดุก่อสร้างในโครงการต่างๆ ของรัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะซีเมนต์เอาไว้แล้ว และเชื่อแน่ว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ  ก็ได้เตรียมการผลิตรองรับไว้แล้ว เช่นกัน แต่ผู้ประกอบการหลายรายยังกังวลเรื่องปัญหาแรงงานและวัตถุดิบที่ไม่ทันต่อความต้องการ

 

 

โดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,903  วันที่ 8 - 11  ธันวาคม  พ.ศ. 2556